Tuesday, April 24, 2012

บริษัทวิสดอมออโต้พาร์ทจำกัด Wisdom Autopart Company Limited ถนนสุวินทวงศ์ ฉะเชิงเทรา ใช้อาคารโรงงานผิดกฎหมาย ผลิต อะไหล่รถยนต์ Toyota Honda Ford Hino


บริษัท วิสดอม ออโต้พาร์ท จำกัด  
ถนนสุวินทวงศ์ ฉะเชิงเทรา 
ใช้อาคารโรงงานผิดกฎหมาย  ผลิต  อะไหล่  รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์ด มาสด้า อีซูซุ ฮีโน่ ฮอนด้า....เริ่มต้นก็เอาเปรียบแล้ว.........?



จาก กรุงเทพฯ เข้า ฉะเชิงเทรา ผ่านแยกสตาร์ไลท์ ๒๐๐ เมตร อยู่ ๒ ฝั่งทั้งซ้ายขวา ก่อสร้างผิดแบบ ไม่เว้นทางรอบโรงงาน ถ้าเกิดเพลิงไหม้........อะไรจะเกิดขึ้น ชีวิต พี่น้องคนงาน.....จะเป็นอย่างไรคนไทยทั้งนั้น.................???

ส่วนโรงงาน  บริษัท วิสดอม ออโต้พาร์ท จำกัด  ๒ ข้างถนน สุวินทวงศ์  ที่ อบต.วังตะเคียน  มีการอนุญาตให้ ใช้โรงงาน โดยต่อใบอนุญาตให้ ตลอด ๓ ปีที่ผ่านมา  เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ เพราะมีการต่อเติม โดยรอบอาคารโรงงานซึ่งผิดกฎหมาย แต่ฝ่ายโยธา และนายกฯ อบต. ต่อใบอนุญาตให้ได้อย่างไร...? ทั้งๆที่มีการต่อเติม ผิดแบบและผิดกฎหมาย....มาโดยตลอด...

ที่สำคัญ ผอ.เบาะแส จี้ อบต.และนายอำเภอ ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ตั้งแต่ กลางปี ๒๕๕๔  อบต.และโรงงานขอเวลา ผอ.เบาะแส จะแก้ไขในวันที่ ๒๒  เดือน มีนาคม ๒๕๕๕   ผอ.เบาะแส ให้โอกาส ตามที่ขอ.....แต่ตอนนี้ เลยเวลาที่ขอ....โรงงานและ อบต.ไม่ดำเนินการ ตามที่ขอ เหมือน เป็นการ เย้ยกฎหมาย....แถม ด้วย ไม่รู้ใคร ส่งคน......ฯลฯ  มา...เจรจา กับ ผอ.เบาะแส ......ตลก  ผอ.เบาะแส เคลียร์ไม่ได้....?  ไม่รู้หรือ......?  






































นี่คือเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นนับแต่นี้


๑๐ เมษายน ๒๕๕๕
               ผอ.เบาะแส    แจ้งเตือนไปที่ นายกฯและ ปลัด อบต.วังตะเคียน  ให้ดำเนินการ แจ้งความดำเนินคดี กับบริษัท วิสดอม ฯ กรณี  ต่อเติมอาคารโดยรอบโรงงาน  โดยไม่ได้รับอนุญาต, ขอใช้โรงงานฯ ผิดแบบ  และ อบต. วังตะเคียน   ก็มีการต่อใบอนุญาต ให้โรงงานนี้ ทุกปี  เป็นเวลา ประาณ ๓ ปีมาแล้ว

























Pls.
โปรดติดตามข้อมูลเพิ่มเติม      ....?????









Monday, April 23, 2012

ผอ.เบาะแส ล้าง...ขบวนการโกงกินในวัดหลวงพ่อพุทธโสธร...ฉะเชิงเทรา


ผอ.เบาะแส ล้าง...ขบวนการโกงกิน
               ในวัดหลวงพ่อพุทธโสธร...ฉะเชิงเทรา




























ติดตามใน........





คดีประวัติศาสตร์ ผอ.เบาะแส แจ้งจับ แม่ชีเบญจวรรณ เสมาชัย แม่ชีคนดังแห่งอยุธยา









อ.เบาะแส .....
แจ้งจับแม่ชีเบญจวรรณ เสมาชัย แม่ชีคนดังอยุธยา 
ซึ่งถูกจับกุมเมื่อ
 ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เวลา ๑๐.๐๐ น. เป็นคดีประวัติศาสตร์...........???
อันเป็นการปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์......








http://www.goosiam.com/news/news1/html/0000133.html


ผอ.เบาะแส ใช้กฎหมายให้เกิดประโยชน์กับทีมงาน กลุ่มฯ เบาะแส ทั่วประเทศ ที่เป็น ชุดเฉพาะกิจ ปราบมาเฟีย

ท่านใด ไปที่วัดพระญาติการาม   จ.พระนครศรีอยุธยา   ช่วย ตรวจสอบ ด้วยว่า แม่ชี ยังอยู่ที่เดิม หรือ ไม่....?????



11/3/2013

รายละเอียด คดี สำคัญ  
 “ ปิดฉากแม่ชีคนดัง ...อ้าง เป็นแม่นม   ในคดี หมิ่นรัชทายาท ”

มองละคร....ย้อนดูตัวเรา
            หลังจากที่จับกุมแล้ว ได้มีการลงข่าวในเวบไซต์ ว่า
 “ เป็นการขัดผลประโยชน์กัน ”   
ผอ.เบาะแส จึงได้แจ้งความ หมิ่นประมาทสื่อนั้น อีก ๕ คดี
            ถ้าเป็นการที่ ผอ.เบาะแส ขัดผลประโยชน์ การทำมาหากินแบบผิดกฎหมายของแม่ชีฯ นั้น ถูกต้อง แต่แม่ชีฯ ไม่ได้มีการขัดผลประโยชน์ ผอ.เบาะแส เพราะ กลุ่มฯเบาะแส ไม่ได้หาประโยชน์ เพียง แต่ทำเพื่อปกป้อง สถาบัน ฯ เพื่อมิให้ผู้ใดเอาไปหาประโยชน์.......เท่านั้น
            ในที่สุด ศาลจังหวัดอยุธยา และศาลอุทธรณ์ ตัดสินจำคุก 3 ปี
            ปัจจุบัน ทราบมาว่า แม่ชีฯ  ไม่ได้อยู่ที่วัดพระญาติการาม แล้ว.....ไม่ทราบไปไหน 
            นับเป็นความสำเร็จที่ กลุ่มฯเบาะแส ได้กระทำในฐานะ ประชาชนคนไทยที่จงรักภักดี ต่อแผ่นดินเกิด และ สถาบันฯ
            จึงอยากให้ พี่น้องคนไทย ได้ ตระหนัก และสำนึก...ในการที่เกิดมาเป็นคนไทย......จักต้อง ร่วมกันปกป้อง สถาบัน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เหนือ สิ่งอื่นใด....
-----------------------------------------------------------------------------------------

เรามาดูข้อมูลย้อนหลัง...

นี่คือเรื่องจริง ติดตามอ่านได้ใน     www.borsae.org 
“ ถ้าเรื่องงานแล้ว ไม่มีพี... ไม่มีน้อง.... ไม่มีพ่อ.... ไม่มีแม่.... ไม่มีลูก.... ไม่มีเมีย.... ไม่มีพวก.... ไม่มีพ้อง.... ผิดเป็นผิด.... ถูกเป็นถูก ” 
“ ถูกกลั่นแกล้ง กันแน่ ถ้าไม่จริง หมายจับจะออกได้อย่างไร ” 
“ การเป็นผู้มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ย่อมนำไปสู่ความรุ่งเรืองและสำเร็จในที่สุด ” 
“ เณรกัมราช ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีทำนองเดียวกัน ก่อนหน้านี้ เกี่ยวข้องกับแม่ชีหรือไม่...? ” 
“ ถ้าคนเราไม่หลงตัวเอง บารมีย่อมไม่เสื่อมถอยเป็นแน่ ” 
“ อาชีพ ของ ป. ไม่น่าจะมีเงินหลักแสน หลักล้าน โอนเข้า ” 
ผอ.เสกสรร ประเสริฐ ผู้นำกลุ่มฯเบาะแส ที่ยอมเอาตัวเองเข้าแลก ขอเป็นลูกบุญธรรม เพื่อให้ แม่ชีเบญจวรรณฯ ตายใจ ยอมให้แม่ชีฯ พูดจา เหน็บแนม... ดูถูก...และตลบหลังด้วยการแจ้งข้อหา....และจับกุมแม่ชี.....ในที่สุด. ” 

“ ถ้า...ถูกกลั่นแกล้ง ทำไมมีหมายจับ…? ทำไมไม่ได้ประกันตัว..?.ในขณะนั้น....”

“ มิได้หมายความว่าเบาะแสจะทำลายศาสนา แต่กลุ่มฯเบาะแส จะล้างผู้ที่ทำให้ศาสนา เสียหาย ” 
“ ผอ.เบาะแส ยั่วให้แม่ชีเบญจวรรณ ตะบะแตก ใส่อารมภ์ แสดงอาการฉุนเฉียว ด่า หมา หมา หมา....ซื้อปลอกใส่ปากหมา....ซึ่งสภาพผู้เป็นแม่ชี......ไม่น่าจะกระทำเช่นนั้น แต่ ผอ.เบาะแส กลับนิ่ง ” 
“ เข็มนั้น ถ้าเป็นเข็ม บ.จ.ว.(เ บ ญ จ ว รรณ) ก็คงไม่ผิด ” 
“ โดยได้รับการเชิญชวนจากผู้หญิงอ้วนๆ ในห้องแม่ชีให้ซื้อ ” 
“ เราทำงานอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันสถาบันพระมหากษัตริย์ มิให้มีผู้ใดทำการให้เสื่อมเสีย ในฐานะที่เราเป็นคนไทย ” 
“ แม่ชีรับงานเคลียร์ปัญหาให้ เสธฯ อ. เรื่องเกาหลี ค้าประเวณี …! ” 
“ มีลูกสะใภ้เจ้าพ่อมาขอ…ให้แม่ชีช่วยหยุด กลุ่มฯ เบาะแส ” และต่อมา อีก 3 วัน สภากาแฟแปดริ้ว ลือกันให้ แซด ว่า เบาะแส รับไป 10 ล้าน เบาะแสไม่ลงข่าวแล้ว ”
“ แต่แล้วสภากาแฟ ก็จ๋อยกันไปตามๆกัน เพราะมีข่าวล้างวัดโสธร โค่นเจ้าพ่อแปดริ้ว ก็ออกภาค 2 มาให้สะใจกัน ” 
“ ขอขอบคุณท่านเจ้าอาวาสบางท่านที่แสดงอากัปกริยาที่แสนสุดจะสมเพชเสียมิได้ที่กระทำ โทสะ โมหะ ยิ่งกว่า มนุษย์ ” 
“ พระกับชี อยู่วัดเดียวกันเป็น สิบๆปี จะอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นหรือไม่สงสัยนั้นเป็นไปไม่ได้ 
“ ถ้าไม่ไล่ชีออกจากวัด พวกเราจะเปลี่ยนเจ้าอาวาสใหม่ ” 
“ ถูกชวนให้ซื้อเข็ม จึงซื้อเข็มเครื่องหมายของเบื้องสูง ๒ อัน ราคา ๑๐๐,๐๐๐ บาท ” 
“ ถ้าเป็นแม่ชีธรรมดา ถวาย ๕๐๐ แต่นี่อ้างเป็นแม่นม ถวาย ๕๐๐,๐๐๐ เพื่อหวังไว้พึ่งพาพึ่งพิงยามมีปัญหา ” 
“ ท่านแม่ครับ ท่านแม่คะ” ใครฟังก็รู้สึกขนลุกขนพอง และอีกคำ ที่เรียกว่า “ เข้าเฝ้า ” แม่ชี เขาเป็นใครกัน ” 
“ แต่ทำไม แม่ชีเบญจวรรณ เสมาชัย ต้องใช้คำว่าเข้าเฝ้า เข้าเฝ้า และก็เข้าเฝ้า ” 
“ นี่คือปัญหาที่ใครๆก็ไม่กล้าแตะ ขืนแตะซิ อาจไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ขนาด ผอ.เบาะแส ยังรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ” 
“ มาเฟีย ทหาร ตำรวจ เจ้าพ่อ ก่อนที่จะขึ้นถึงที่สุดจะต้องเข้ามาหาแม่ชีเบญจวรรณ เสมาชัย ก่อนทุกครั้ง ” 
“ แม่ชีเบญจวรรณ เสมาชัย ถูกจับกุมดำเนินคดี ข้อหา หมิ่นรัชทายาท ” 
“ คดีนี้ ผอ.เสกสรร ประเสริฐ  เป็นประธานกลุ่มฯเบาะแส และ เป็นผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์เบาะแส เป็นผู้กล่าวหาแจ้งความดำเนินคดี ” 

“ ซึ่งครั้งนี้เป็นการแฝงตัวเข้าไปสืบในวัดพระญาติการาม ของ ผอ.เสกสรร เพื่อเก็บหลักฐาน หาพยานบุคคล พยานวัตถุ และพยานอื่นๆมีการร่วมงานกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่อีกหลายท่านซึ่งให้ความสนใจและร่วมมือด้วย จนมีการจับกุมเกิดขึ้นในที่สุด ” 
“ และสุดท้าย ผอ.เสกสรร ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภอ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อปิดฉาก ๑๘ ปีแห่งแม่ชีคนดัง"
“ ทำให้เบาะแส ต้องแจ้งความดำเนินคดี กับ สื่อ หลายรูปแบบ อีกหลายสื่อ เพื่อเป็นการปรามมิให้สื่อต่างๆทำงานโดยเห็นแก่เงิน มิได้คำนึงถึงความเสียหายของผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ พิทักษ์ความเป็นธรรม อย่างเช่น กลุ่มฯเบาะแส ” 
“ ถ้าฟ้ามีตาจริง ท่านย่อมรู้ว่าใครพูดจริง ใครพูดไม่จริง เพราะใครทำอย่างไรได้อย่างนั้นแน่นอน ไม่มีใครทำดีได้ชั่วแน่นอน ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว เป็นสัจจะธรรม ” 
“ ได้มีข้อความหมิ่นประมาทผู้เสียหายโดยระบุว่า “แม่ชีเบญจวรรณ เสมาชัย แฉ เสกสรร ประเสริฐ กลุ่มเบาะแส แม่มีพยานหลักฐาน ที่มันจับพระไปไว้ที่บ้าน แล้วรีดจนหมดตัว" 
“ โดยมีข้อความว่าผู้แจ้งร่วมกับนายสินชัย ปล้นเงินค่าทำศพอดีตเจ้าอาวาสวัดโสธรซึ่งปรากฎในข้อความบางตอนว่า นำเรื่องเท็จไปเผยแพร่ต่อสาธารณะชนและสร้างม็อบออกมาต้าน มติมหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นข้อความอัน 
“ ลองถามข้าราชการบางกลุ่มที่รับทำบัตรประชาชนปลอมหัวละ ๑๕๐,๐๐๐ บาทคงรู้ดี ” 


  



























 4 พฤษภาคม  2556




http://www.dailynews.co.th/thailand/202024




ข้อมูลที่นำเสนอทางสื่อ..........


    แม่ชีคนดังเมืองกรุงเก่าอยุธยา ถูกตำรวจแจ้งจับข้อหาหนัก ดูหมิ่นเบื้องสูง คุมตัวส่งผัดฟ้องฝากขัง ค้านประกันตัวส่งเข้าเรือนจำครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 6 ก.ค. พ.ต.อ.ชินฑัต มีศุข รอง ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรินทร์ ทับพันบุบผา ผกก.สภ.อ.มหาราช และ พ.ต.ท.ธนาพัฒน์ นิลบดี รอง ผกก.สส.สภ.อ.พระนครศรีอยุธยา นำกำลังพร้อมหมายศาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เลขที่ จ.720/2548 ลงวันที่ 5 ก.ค. 48 เข้าพบแม่ชีเบญจวรรณ เสมาชัย หรือเบ็ญ สูงเนิน อายุ 72 ปี เจ้าสำนักแม่ชีเบญจวรรณ ภายในวัดพระญาติการาม ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา แจ้งข้อหาว่าร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นรัชทายาทและเบื้องสูง คุมตัวกลับไปสอบสวนที่ บก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ได้สร้างความแตกตื่นตกใจ ให้กับบรรดาลูกศิษย์เป็นอย่างมาก ขณะที่แม่ชีเบญจวรรณยังมีสีหน้ายิ้มแย้มให้ลูกศิษย์ประคอง พาไปขึ้นรถขับตามเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแต่โดยดี

    ทันทีที่มาถึง บก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญแม่ชีเบญจวรรณเข้าไปในห้องทำงานของ พ.ต.อ.ชินฑัต พร้อมทั้งห้ามผู้สื่อข่าวเข้าร่วมรับฟังการสอบสวนอย่างเด็ดขาด บรรยากาศภายในห้องสอบสวนเป็นไปอย่างเคร่งเครียด เนื่องจากมีลูกศิษย์ลูกหาของแม่ชีเบญจวรรณติดตามมาเป็นจำนวนมาก โดยมีความพยายามติดต่อทนายความให้มาร่วมฟังการสอบปากคำด้วยอย่างใกล้ชิด ในส่วนของการสอบปากคำแม่ชีเบญจวรรณ ได้แบ่งการดำเนินคดีออกเป็น 2 ท้องที่คือ สภ.อ.มหาราช และ สภ.อ.พระนครศรีอยุธยา แต่ใช้ข้อหาเดียวกัน โดยพนักงานสอบสวนของทั้ง 2 โรงพัก หอบหิ้วเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าไปสอบถึงในห้องรอง ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา

    สำหรับที่มาที่ไปของการจับกุมแม่ชีเบญจวรรณในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากชุดจับกุมว่าทางกองบังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ ได้ทำหนังสือประสานความร่วมมือให้จับกุมแม่ชีเบญจวรรณในข้อหาดังกล่าว หลังจากที่ตำรวจ จ.เชียงใหม่ ได้จับกุมนายกรรมราช สมานทรัพย์ อายุ 21 ปี ชาว จ.ลำพูน ที่แอบอ้าง ตัวเองเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา จากการสอบสวนนายกรรมราชให้การรับสารภาพว่าพ่อแม่แยกทางกัน ญาติจึงส่งไปบวชเณรที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่วัดชัย อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้ได้รู้จักกับแม่ชีเบญจวรรณ และมีการปล่อยข่าวว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง ทำให้ข้าราชการและประชาชนหลงเชื่อมาทำบุญกราบไหว้ และบริจาคเงินเป็นจำนวนมาก

    ภายหลังมีคนจับพิรุธได้ จึงหนีไปอยู่สหรัฐอเมริกาก่อนจะวกกลับมาอยู่เชียงใหม่ เข้าหาพวกนักการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น มีคนหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก แต่ภายหลังความแตกถูกจับได้ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ศาลตัดสินลงโทษจำคุก 50 ปี แต่ลดโทษให้เหลือ 30 ปี ยังอยู่ในระหว่างการถูกจองจำ และทางพนักงานสอบสวนของ จ.เชียงใหม่ ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนมั่นใจว่าแม่ชีเบญจวรรณมีส่วนรู้เห็น ในการกระทำความผิดครั้งนี้จึงประสานให้จับกุมดังกล่าว

    ต่อมาเวลา 16.00 น. หลังใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 6 ชม. ทางพนักงานสอบสวนของ 2 โรงพัก ได้นำตัวแม่ชีเบญจวรรณเดินทางไปขออำนาจศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผัดฟ้องฝากขังนัดแรก พร้อมทั้งคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีกหลายปาก ซึ่งก่อนหน้านี้มีนายศักดิ์ดา แม้นสุวรรณรัฐ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ใช้ตำแหน่งยื่นขอประกันตัวคดีที่ สภ.อ.มหาราช ในวงเงิน 5 แสนบาท ส่วนนายสุทธิ ผลสวัสดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ใช้ตำแหน่งยื่นขอประกันตัวคดีของ สภ.อ. พระนครศรีอยุธยา ในวงเงิน 6 แสนบาท แต่ศาลพิจารณาแล้วไม่อนุญาตให้ประกันตัว ให้ส่งตัวเข้าเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยาต่อไป

    ด้านแม่ชีเบญจวรรณกล่าวระหว่างเดินออกจากห้องพิจารณาคดี เพื่อไปยังห้องถ่ายรูปทำประวัติว่า ขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา น่าจะเป็นเรื่องของการกลั่นแกล้งมากกว่า ได้ประสานกับทางทนายความให้ยื่นหนังสือขอประกันตัวชั้นศาลอีกครั้งในวันที่ 7 ก.ค.นี้ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่เรือนจำได้นำตัวแม่ชีเบญจวรรณเข้าไปในห้องลงทะเบียนประวัติ โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวติดตามเข้าไป ขณะที่ตำรวจชุดจับกุมทั้งหมดปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงผลการสอบสวน โดยระบุเพียงว่ายังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนขยายผล

    ต่อมาเวลา 17.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ของเรือนจำได้ออกมาแจ้งกับผู้สื่อข่าวที่เฝ้ารออยู่นอกห้องว่า แม่ชีเบญจวรรณเดินทางไปที่เรือนจำโดยรถส่วนตัวแล้ว แต่ก็หนีไม่พ้นกองทัพนักข่าวที่ไปดักรออยู่หน้าเรือนจำอีกกลุ่มใหญ่ โดยแม่ชีเบญจวรรณนั่งรถมิตซูบิชิจีวากอน สีดำ ทะเบียน ศษ 8387 กรุงเทพมหานคร เข้าไปในเรือนจำ โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม ทั้งนี้ ทางเรือนจำได้ อำนวยความสะดวกให้แม่ชีเบญจวรรณนั่งรถเข้าไปถึงห้องตรวจรับแดน 1 โดยแม่ชีเบญจวรรณได้ร้องขอรถเข็นเนื่องจากชราภาพ และมีสุขภาพไม่แข็งแรง ซึ่งทางเรือนจำได้จัดให้ตามคำร้องขอ และจัดให้พักอยู่ในส่วนของห้องแรกรับหญิงเป็นการชั่วคราว ซึ่งแม่ชีเบญจวรรณยังคงอยู่ ในชุดนุ่งขาวห่มขาว มีลูกศิษย์และลูกสะใภ้คอยดูแลอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะถูกเชิญออกมานอกเรือนจำ ขณะเดียว กันก็มีลูกศิษย์อีกกลุ่มใหญ่เดินทางมาสอบถามข้อมูลไม่ขาดสาย ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าไม่น่าจะเป็นความจริงตามข้อกล่าวหา





25 เมษายน 2562

       ขอขอบคุณทุกผลงานที่ ผอ.เบาะแส ได้เอาชีวิตเข้าแลก เพื่อให้คนดีได้มีที่ยืน และแล้วสิ่งที่ตอบแทนคืนให้ผู้เสียสละคือสิ่งที่ปรากฏตามภาพที่ทุกท่านได้เห็น.......  โปรดติดตามผลงานต่อไปใน  http://borsae.org   
และใน Facebook  https://www.facebook.com/seksonprasert หรือเพจผอ.เบาะแส  https://www.facebook.com/borsae001/หรือเพจ BFI  https://www.facebook.com/bfi001/



pls................wait



Monday, April 9, 2012

ช่วยชาวบ้าน จ.อุบลฯ สค.๑ ที่อื่นบินมาทับออกโฉนดบนที่ดิน...???


        ผอ.เบาะแส   ลงพื้นที่ ช่วย ชาวบ้าน อำเภอสว่างวีรวงศ์ จ.อุบลราชธานี 
        คนที่นับถือและใว้ใจ   เอาที่่ดินไปโดยใช้ สค.๑ บินข้ามห้วยมาประมาณ ๘ กิโลเมตร ออกโฉนดทับที่ดินของชาวบ้าน........?????
        ขณะนี้ ผอ.เบาะแส      ได้ รื้อเรื่องนี้ขึ้นมา....ใหม่ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลกรมที่ดิน ตรวจสอบ......ผลออกมาประการใด......จริงหรือไม่....โปรด   ติดตาม....?????




























เรื่องนี้ ...ผ่าน ขบวนการของ  ปปป.ตร. , ปปช. .....แต่ทุกอย่่างที่เกิดขึ้น...ล้วนไม่ชัดเจน  มีหนังสือสรุปชี้ชัดว่า สค.๑  เป็นคนละแปลง  แต่คดีขาดอายุความ  เอาผิดข้าราชการ บางคนไม่ได้  แต่ความจริงก็คือความจริง  โฉนดที่ดินที่เป็นเอกสาร นั้น ต้องเป็นที่ดินแปลงอื่น ...มิใช่แปลงนี้.....ผู้ถือโฉนดต้องไปตามหาเองว่าที่ดินจริงๆ ของตนอยู่ตรงไหน...และคืนที่ดิน (ผืนดิน) แปลงนี้ให้ชาวบ้านไป





Pls.wait..................